ประวัติ
ประวัติวัดโบสถ์สามเสน
วัดโบสถ์ (สามเสน) เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 658 ถนนสาม เสน อยู่ริมคลองสามเสน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่ 4 ไร่ 3 ตารางวา
วัดโบสถ์ (สามเสน) เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จาก เรื่องเล่าที่ว่า พระพุทธรูปในอุโบสถหลังเดิมมีชื่อว่า หลวงพ่อสุขเกษม สร้างขึ้นตั้งแต่ สมัยอยุธยา ในสมัยนั้นพระเจ้า แผ่นดินจะทรงสร้างพระพุทธรูปแล้วบรรทุกใส่แพซุง โดยใช้ไม้ซุงเป็นร้อยมัดเข้าด้วยกันทําเป็นแพ นํา พระพุทธรูปประดิษฐานบนแพนั้น แล้วล่องลงมา หากผ่านวัดริมน้ําวัดใดที่ยังไม่มีพระพุทธรูปหรือไม่มี พระประธานก็ให้ ถวายแก่วัดนั้น จนเมื่อถวายหลวงพ่อสุขเกษมไว้ที่ตําบลสามเสนแล้ว แพซุงที่เหลือ จึง ให้ถวายวัดทําเป็นเสาเข็มสําหรับสร้างอุโบสถด้วย ในการก่อสร้างจึงนําไม้ซุงมาปูเรียง กันก่อน แล้วจึงก่อสร้างอุโบสถทับบนแพซุงอีกที่หนึ่งเพื่อกันทรุด
จากข้อมูลของกรมการศาสนา ระบุว่าสร้างปี พ.ศ. 2251 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2271 สันนิษฐานว่าน่าจะเคยเป็นวัดร้าง มาก่อน โดยพิจารณาจากชื่อ “วัด โบสถ์” เพราะหลักของการตั้งชื่อวัดนั้น ส่วนใหญ่ก็ จะตั้งตามชื่อของชุมชน หรือเอานามหรือสกุลของ ผู้สร้างมาเป็นชื่อของวัด ดังนั้น วัดโบสถ์สามเสนจึงควรจะชื่อว่า วัดสามเสน หรือ วัดคลองสามเสน ตามชื่อของชุมชน แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าได้ร้างไปเพราะสาเหตุใดและร้างไปตั้งแต่เมื่อใด แต่น่าจะเป็น วัดร้างมานานมาก จนไม่มีใครทราบชื่อเดิมและเหลือเพียงโบสถ์หลังเดียว จึงตั้งชื่อขึ้นว่า “วัดโบสถ์” มีหลักฐานบางแห่งบันทึกว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ เสด็จมาทรงบูรณะวัดโบสถ์ สามเสน แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าในครั้งนั้นมี พระภิกษุจําพรรษาอยู่หรือไม่ สันนิษฐานว่า ในครั้งนั้นน่าจะยังเป็นวัดกิ่งร้าง คือ มีพระสงฆ์มาพักอาศัยไม่แน่นอน ความเป็นอยู่คงยากลําบากเพราะ ห่างไกลจาก พระนคร
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการฟื้นฟูสภาพวัด ขึ้นใหม่ พ.ศ. 2448 (ร.ศ. 124) พระอธิการเนียม (เจ้าอาวาส) ได้ดําเนินการสร้างและ ปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่าง ๆ ภายในวัด โดยสร้างกุฏิขึ้นใหม่ บูรณะหอฉันและกุฏิเก่าที่ ชํารุดทรุดโทรม และสร้างพระเจดีย์ขึ้นใหม่ องค์หนึ่ง (ปัจจุบันได้ล้มและถูกรื้อทิ้งไปแล้ว) ต่อมา พ.ศ. 2450 (ร.ศ. 126) ได้มีการปฏิสังขรณ์ศาลา การเปรียญ หอระฆัง กุฏิ และสร้างถนนเชื่อมกุฏิกับศาลาการเปรียญ การบูรณะทั้งสองครั้งมาจากการ บริจาคร่วมกันของเจ้าอาวาส พระสงฆ์ และฆราวาส เช่น สมเด็จพระนางเจ้าสว่าง วัฒนา
-พระบรมราชเทวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภัทรายุวดี นายร้อยโทคิด สมเด็จพระวันรัต พระ สรรพการ (เชย สรรพการ) เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่ดิน และชาวบ้านที่ตั้งบ้านเรือนในบริเวณ ใกล้เคียงกับวัด วัดได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมาครั้งหลังเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2531
อุโบสถหลังเก่า
อุโบสถหลังเดิมเป็นศิลปะสมัยอยุธยา ฐานโค้งสําเภา ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัย อยุธยาตอนปลาย ผนังด้านหน้าเหนือประตูทางเข้าพระอุโบสถเขียนภาพ มารผจญ ผนังด้านข้างเป็น ภาพเทพชุมนุม ส่วนผนังระหว่างช่องหน้าต่างเขียนภาพ ทศชาติชาดก ปัจจุบันสภาพชํารุดเลือนรางไป มาก สาเหตุของภาพที่เลือนลางคงเป็นเพราะเมื่อประมาณ พ.ศ. 2535 เกิดฟ้าผ่าอุโบสถทําให้หลังคา ชํารุดเสียหาย น้ําฝน ไหลลงมาทําลายภาพจิตรกรรมฝาผนัง และเกิดความชื้นจากน้ําที่ไหลนองบนพื้น ทําให้ภาพจิตรกรรมด้านล่างเสียหายเกือบหมด ประกอบกับน้ําฝน แสงแดด อีกทั้งนกหนู ที่เข้ามาทํา รังอยู่ใต้เพดานก็ทําให้สภาพภายในพระอุโบสถแทบไม่เหลือชิ้นดี อุโบสถหลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของกรมศิลปากรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 แต่ยังไม่มีงบประมาณในการบูรณะ ภายใน ประดิษฐานพระประธาน มีชื่อว่า หลวงพ่อสุขเกษม ปัจจุบันอุโบสถหลังนี้จึงกลายเป็นวิหาร แล้วได้ สร้างอุโบสถหลังใหม่โดยใช้ค่าก่อสร้างไปประมาณ 5 ล้านบาท
ภายนอกมีกําแพงแก้วล้อมรอบ ที่มุมกําแพงแก้วมีวิหารทิศทั้ง 4 ด้าน แต่วิหาร ทิศที่อยู่ ด้านหน้าอุโบสถเหลือเพียงฐานซึ่งมีระดับต่ํากว่าพื้นดิน คงถูกรื้อออกไปแต่ ครั้งโบราณ
ลําดับเจ้าอาวาส
1. เจ้าอธิการเนียม พ.ศ.2448 (สมัย ร.5)
2. เจ้าอธิการวัน ไม่ทราบ พ.ศ. ที่ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส
3. เจ้าอธิการเฮง ปรากฏหลักฐานว่าเป็นผู้ริเริ่มสร้างโรงเรียนวัดโบสถ์ พ.ศ. 2475 4. พระอธิการชื่น ไม่ทราบ พ.ศ. ที่ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส
5. พระมหาทองหล่อ ไม่ทราบ พ.ศ. ที่เริ่มดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส - พ.ศ. 2512
6. พระครูศรีปัญญาวิมล (มฟี ญาณจารี ป.ธ.6) ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2516 2551
7. พระครูสมณกิจธํารง (เก้า กิตติญาโณ) ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2552-2562
8. พระมหานคร จิตตโสภโณ ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน
วัดโบสถ์ (สามเสน) เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 658 ถนนสาม เสน อยู่ริมคลองสามเสน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่ 4 ไร่ 3 ตารางวา
วัดโบสถ์ (สามเสน) เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จาก เรื่องเล่าที่ว่า พระพุทธรูปในอุโบสถหลังเดิมมีชื่อว่า หลวงพ่อสุขเกษม สร้างขึ้นตั้งแต่ สมัยอยุธยา ในสมัยนั้นพระเจ้า แผ่นดินจะทรงสร้างพระพุทธรูปแล้วบรรทุกใส่แพซุง โดยใช้ไม้ซุงเป็นร้อยมัดเข้าด้วยกันทําเป็นแพ นํา พระพุทธรูปประดิษฐานบนแพนั้น แล้วล่องลงมา หากผ่านวัดริมน้ําวัดใดที่ยังไม่มีพระพุทธรูปหรือไม่มี พระประธานก็ให้ ถวายแก่วัดนั้น จนเมื่อถวายหลวงพ่อสุขเกษมไว้ที่ตําบลสามเสนแล้ว แพซุงที่เหลือ จึง ให้ถวายวัดทําเป็นเสาเข็มสําหรับสร้างอุโบสถด้วย ในการก่อสร้างจึงนําไม้ซุงมาปูเรียง กันก่อน แล้วจึงก่อสร้างอุโบสถทับบนแพซุงอีกที่หนึ่งเพื่อกันทรุด
จากข้อมูลของกรมการศาสนา ระบุว่าสร้างปี พ.ศ. 2251 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2271 สันนิษฐานว่าน่าจะเคยเป็นวัดร้าง มาก่อน โดยพิจารณาจากชื่อ “วัด โบสถ์” เพราะหลักของการตั้งชื่อวัดนั้น ส่วนใหญ่ก็ จะตั้งตามชื่อของชุมชน หรือเอานามหรือสกุลของ ผู้สร้างมาเป็นชื่อของวัด ดังนั้น วัดโบสถ์สามเสนจึงควรจะชื่อว่า วัดสามเสน หรือ วัดคลองสามเสน ตามชื่อของชุมชน แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าได้ร้างไปเพราะสาเหตุใดและร้างไปตั้งแต่เมื่อใด แต่น่าจะเป็น วัดร้างมานานมาก จนไม่มีใครทราบชื่อเดิมและเหลือเพียงโบสถ์หลังเดียว จึงตั้งชื่อขึ้นว่า “วัดโบสถ์” มีหลักฐานบางแห่งบันทึกว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ เสด็จมาทรงบูรณะวัดโบสถ์ สามเสน แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าในครั้งนั้นมี พระภิกษุจําพรรษาอยู่หรือไม่ สันนิษฐานว่า ในครั้งนั้นน่าจะยังเป็นวัดกิ่งร้าง คือ มีพระสงฆ์มาพักอาศัยไม่แน่นอน ความเป็นอยู่คงยากลําบากเพราะ ห่างไกลจาก พระนคร
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการฟื้นฟูสภาพวัด ขึ้นใหม่ พ.ศ. 2448 (ร.ศ. 124) พระอธิการเนียม (เจ้าอาวาส) ได้ดําเนินการสร้างและ ปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่าง ๆ ภายในวัด โดยสร้างกุฏิขึ้นใหม่ บูรณะหอฉันและกุฏิเก่าที่ ชํารุดทรุดโทรม และสร้างพระเจดีย์ขึ้นใหม่ องค์หนึ่ง (ปัจจุบันได้ล้มและถูกรื้อทิ้งไปแล้ว) ต่อมา พ.ศ. 2450 (ร.ศ. 126) ได้มีการปฏิสังขรณ์ศาลา การเปรียญ หอระฆัง กุฏิ และสร้างถนนเชื่อมกุฏิกับศาลาการเปรียญ การบูรณะทั้งสองครั้งมาจากการ บริจาคร่วมกันของเจ้าอาวาส พระสงฆ์ และฆราวาส เช่น สมเด็จพระนางเจ้าสว่าง วัฒนา
-พระบรมราชเทวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภัทรายุวดี นายร้อยโทคิด สมเด็จพระวันรัต พระ สรรพการ (เชย สรรพการ) เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่ดิน และชาวบ้านที่ตั้งบ้านเรือนในบริเวณ ใกล้เคียงกับวัด วัดได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมาครั้งหลังเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2531
อุโบสถหลังเก่า
อุโบสถหลังเดิมเป็นศิลปะสมัยอยุธยา ฐานโค้งสําเภา ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัย อยุธยาตอนปลาย ผนังด้านหน้าเหนือประตูทางเข้าพระอุโบสถเขียนภาพ มารผจญ ผนังด้านข้างเป็น ภาพเทพชุมนุม ส่วนผนังระหว่างช่องหน้าต่างเขียนภาพ ทศชาติชาดก ปัจจุบันสภาพชํารุดเลือนรางไป มาก สาเหตุของภาพที่เลือนลางคงเป็นเพราะเมื่อประมาณ พ.ศ. 2535 เกิดฟ้าผ่าอุโบสถทําให้หลังคา ชํารุดเสียหาย น้ําฝน ไหลลงมาทําลายภาพจิตรกรรมฝาผนัง และเกิดความชื้นจากน้ําที่ไหลนองบนพื้น ทําให้ภาพจิตรกรรมด้านล่างเสียหายเกือบหมด ประกอบกับน้ําฝน แสงแดด อีกทั้งนกหนู ที่เข้ามาทํา รังอยู่ใต้เพดานก็ทําให้สภาพภายในพระอุโบสถแทบไม่เหลือชิ้นดี อุโบสถหลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของกรมศิลปากรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 แต่ยังไม่มีงบประมาณในการบูรณะ ภายใน ประดิษฐานพระประธาน มีชื่อว่า หลวงพ่อสุขเกษม ปัจจุบันอุโบสถหลังนี้จึงกลายเป็นวิหาร แล้วได้ สร้างอุโบสถหลังใหม่โดยใช้ค่าก่อสร้างไปประมาณ 5 ล้านบาท
ภายนอกมีกําแพงแก้วล้อมรอบ ที่มุมกําแพงแก้วมีวิหารทิศทั้ง 4 ด้าน แต่วิหาร ทิศที่อยู่ ด้านหน้าอุโบสถเหลือเพียงฐานซึ่งมีระดับต่ํากว่าพื้นดิน คงถูกรื้อออกไปแต่ ครั้งโบราณ
ลําดับเจ้าอาวาส
1. เจ้าอธิการเนียม พ.ศ.2448 (สมัย ร.5)
2. เจ้าอธิการวัน ไม่ทราบ พ.ศ. ที่ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส
3. เจ้าอธิการเฮง ปรากฏหลักฐานว่าเป็นผู้ริเริ่มสร้างโรงเรียนวัดโบสถ์ พ.ศ. 2475 4. พระอธิการชื่น ไม่ทราบ พ.ศ. ที่ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส
5. พระมหาทองหล่อ ไม่ทราบ พ.ศ. ที่เริ่มดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส - พ.ศ. 2512
6. พระครูศรีปัญญาวิมล (มฟี ญาณจารี ป.ธ.6) ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2516 2551
7. พระครูสมณกิจธํารง (เก้า กิตติญาโณ) ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2552-2562
8. พระมหานคร จิตตโสภโณ ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน